Property

“พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น” ชูแผน “Super Living Service” ขยายธุรกิจบริการครบวงจร ตั้งเป้า สร้างรายได้  1,300 ล้านบาท

บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI สร้าง “Super Living Service” ขยายธุรกิจบริการครบวงจรพร้อมประเมิน 5 เมกะเทรนด์โลกแห่งความเปลี่ยนแปลง การเป็นเมืองอย่างรวดเร็ว-สภาพภูมิอากาศ-สังคม-มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ-เทคโนโลยี สร้างความเปลี่ยนแปลงธุรกิจบริการเกี่ยวเนื่องอสังหาริมทรัพย์ ตั้งเป้าทั้งปี พ.ศ.2566 คาดจะบริหารนิติบุคคลและบริหารงานขายรวมกันในเครือ 8 บริษัท ประมาณ 150 โครงการ และสร้างรายได้ทั้งปีประมาณ 1,300 ล้านบาท

จตุพร วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรี โม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI  กล่าวว่า จากสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ทั่วโลก มีเมกะเทรนด์ที่อาจเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับบริการอสังหาริมทรัพย์ใน 5 ด้านหลัก ได้แก่ 1.การเปลี่ยนแปลงมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ (Shifting Economic Power) การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกขยับมาเป็นทางเอเชียมากขึ้น ไทยเป็นประเทศเป้าหมายทั้งการลงทุนและการท่องเที่ยวของเหล่ามหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดซื้อ-ขาย-เช่าอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตต่อเนื่อง 2.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ปัญหาใหญ่ของโลกนำมาสู่การใช้พลังงานสะอาดเพิ่มขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้มีความต้องการ EV Charger ตลอดจนโซลาร์เซลล์ในที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น นิติบุคคลโครงการอาจต้องมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนผ่านในกลุ่มโครงการดั้งเดิม 3.ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี (Technological Breakthrough) เทคโนโลยีเข้ามากลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และมีบทบาทต่อธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตมากขึ้น 4.การเปลี่ยนแปลงทางสังคม (Social Change) ทั่วโลกก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ความต้องการการบริการสำหรับผู้สูงวัยจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และ 5.การเป็นเมืองอย่างรวดเร็ว (Rapid Urbanization) ประชากรย้ายถิ่นฐานไปยังหัวเมืองต่างๆ มากขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการบริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ขยายไปตามพื้นที่ใหม่ๆ มากขึ้น  

บริษัทฯ มีแผนการเติบโตภายใต้แนวคิด “Super Living Service” ในปี พ.ศ.2566 เพื่อขยายขอบเขตธุรกิจบริการใหม่ๆ ทั้งกลุ่มต้นน้ำ ให้บริการก่อนเข้าอยู่อาศัย เช่น บริการที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง บริการออกแบบด้านสถาปัตยกรรม งานโครงสร้าง งานโยธา และงานระบบ บริการจัดฝึกอบรมและพัฒนาทักษะบุคลากร  ส่วนกลางน้ำ บริการการจัดการเพื่อการอยู่อาศัย เช่น บริการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด บ้านจัดสรร ห้างสรรพสินค้า อาคาร และสำนักงาน บริการอพาร์ตเมนท์แบบพรีเมียม บริการซื้อ ขายและปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร และปลายน้ำ บริการหลังการขายที่อยู่อาศัย เช่น บริการแม่บ้านและช่าง บริการออกแบบและตกแต่งภายใน ในหลากหลายมิติ ได้แก่ 1.การเพิ่มบริการในเซกเมนต์ใหม่ เช่น การขยายบริการบางกลุ่มธุรกิจจากเซกเมนต์ทั่วไป สู่เซกเมนต์ระดับลักชัวรี 2.การเปิดตัวธุรกิจใหม่ มุ่งเน้นธุรกิจที่จะช่วยเติมเต็มความครบวงจรของงานบริการ และธุรกิจที่สอดคล้องกับทิศทางเมกะเทรนด์โลก และ 3.การบุกตลาดต่างจังหวัด วางแผนส่งบริษัทย่อยบุกให้บริการในพื้นที่ทั้ง 4 ภูมิภาคหลักของประเทศ ได้แก่ ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น และที่เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ภาคกลางตอนล่าง หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และภาคใต้ จังหวัดภูเก็ต และภาคตะวันออก จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง ส่วนแผนการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ อยู่ระหว่างการศึกษาในแต่ละประเทศในภูมิภาคอาเซียน

จตุพร กล่าวถึงการขยายอาณาจักร Super Living Service ของบริษัทฯ ว่ามีทั้งการสร้างการเติบโตด้วยตัวเอง (Organic Growth) และการเติบโตทางลัด (Inorganic Growth) ผ่านการจับมือร่วมทุนกับพันธมิตร (Joint Venture) กับผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจนั้น ตลอดจนการพิจารณาซื้อกิจการ (M&A) ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนั้นอยู่แล้ว เพื่อสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยยกทัพบริษัทในเครือ มองหาพันธมิตรที่จะเข้ามาเติมเต็มความครบวงจรภายในปี พ.ศ.2566 นี้ 

“สำหรับ Pain Point หลักของผู้บริโภคต่องานบริการในที่อยู่อาศัย คือเรื่องความกระจัดกระจาย ผู้บริโภคต้องใช้เวลามหาศาลในการไปเสาะหาผู้ให้บริการหลายๆ ราย บางบริการต้องออกไปต่อคิวรอรับบริการข้างนอก วิสัยทัศน์ของพรีโม จึงเป็นการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ผ่านการ Expanding, Growing แล้ว Connecting รวบรวมบริการทุกอย่างให้เป็น Super Living Serviceมีทุกบริการครบจบในที่เดียว พร้อมดูแลทั้งลูกค้าโครงการ ลูกค้ารายย่อย ทุกเจเนอเรชั่น ทุกจังหวะชีวิต ก้าวสู่การเป็น Happy Maker ผู้สร้างความสุขที่สร้างความสะดวกสบายในที่พักอาศัย มีบริการตอบโจทย์ผู้บริโภคตลอดช่วงชีวิต” จตุพร กล่าว

ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ.2566 บริษัทฯจะเริ่มนำร่องบุกต่างจังหวัดนอกพื้นที่ EEC เป็นครั้งแรก ที่จังหวัดภูเก็ต โดยทยอยส่งบริษัทย่อยในปัจจุบันทั้ง 8 บริษัท เข้าไปดำเนินธุรกิจ ได้แก่ 1.บริษัท พรีโม แมเนจเม้นท์ จำกัด และ 2.บริษัท คราวน์ เรสซิเดนซ์ จำกัด ให้บริการบริหารนิติบุคคล ดูแลคุณภาพชีวิตลูกค้าทั้งระดับทั่วไปและระดับลักชัวรี เช่น โครงการวิลลาในพื้นที่ 3.บริษัท แพสชั่น เรียลเตอร์ จำกัด ให้บริการนายหน้าซื้อ-ขาย-ปล่อยเช่า และพัฒนาโครงการ 4.บริษัท อูโน่ เซอร์วิส จำกัด ดูแลบริการงานด้านความสะอาด 5.บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จำกัด ให้บริการบริหารงานก่อสร้างโครงการ 6.บริษัท ยูพีเอ็ม ดีไซน์ สตูดิโอ จำกัดให้บริการออกแบบสถาปัตยกรรมทั้งภายในและภายนอกอาคารแก่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 7.บริษัท วายด์ อินทีเรีย จำกัด ให้บริการตกแต่งภายในครบวงจร และ 8.บริษัท แฮมป์ตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ แมเนจเมนท์ จำกัด ดำเนินงานบริหารจัดการสินทรัพย์ ช่วยบริหารจัดการผู้เช่าหรือผู้เข้าพัก สร้างรายได้หรือผลตอบแทนให้เป็นไปตามเป้าหมายของเจ้าของโรงแรมหรือที่พักอาศัย 

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนพิจารณาการขยายธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภครายย่อยเป็นหลัก เช่น ธุรกิจร้านสะดวกซัก (Wash & Dry) รวมถึงรักษาระดับการเติบโตในกลุ่มธุรกิจทั้ง 8 ที่ให้บริการอยู่แล้วในปัจจุบัน

“บริษัทฯตั้งเป้าจะมีโครงการที่เข้าไปบริหารนิติบุคคลและโครงการที่เข้าไปบริหารงานขายรวมกันใน ปี พ.ศ.2566 มากกว่า 150 โครงการ พร้อมตั้งเป้ารายได้ทั้งปี พ.ศ. 2566 ไว้ที่ 1,300 ล้านบาท เติบโตจากปี พ.ศ. 2564 ถึงราว 173.06% หรือเกือบ 3 เท่าตัว” จตุพร กล่าวทิ้งท้าย