Thursday, October 16, 2025
Latest:
News

กมธ.จี้ รฟม.-ผู้รับเหมาเร่งชี้แจง “ถนนสามเสนยุบ” หลังอุโมงค์ทรุดต่อเนื่อง 25 เมตร จ่อใช้กฎหมายบังคับเรียกข้อมูล

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2560คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ การรถไฟขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินการก่อสร้างงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูนราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) และเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2565 โดยมีการลงนามสัญญาก่อสร้างงานโยธาของโครงการระหว่าง รฟม.กับบริษัทผู้รับจ้างทั้ง 6 สัญญา เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2565 มูลค่ารวมกว่า 8.2 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) เป็นระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ (Heavy Rail) มีระยะทางรวมทั้งสิ้น 23.63 กิโลเมตร เป็นโครงสร้างใต้ดิน 14.29 กิโลเมตร และโครงสร้างยกระดับ 9.34 กิโลเมตร โดยมีสถานีรวมทั้งหมด 17 สถานี แบ่งเป็นสถานีใต้ดิน 10 สถานี และสถานียกระดับ 7 สถานี รวมถึงโรงจอดรถไฟฟ้า และอาคารจอดแล้วจร 4 อาคาร

หลังจากการเหตุการณ์ถนนยุบ บริเวณถนนสามเสน ช่วงผ่านหน้าวชิรพยาบาล แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 โดยพื้นที่ที่รับผิดชอบอยู่ในสัญญาที่ 1 ซึ่งเป็นงานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ทางวิ่งและสถานีใต้ดิน ช่วงเตาปูน-หอสมุดแห่งชาติ ระยะทางรวม 4.8 กิโลเมตร มูลค่า 19,430 ล้านบาท ภายใต้ผู้รับจ้าง CKST-PL JOINT VENTURE ประกอบด้วย บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) และบริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)

ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568ปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการยกระดับมาตรฐานการก่อสร้าง มาตรฐานความปลอดภัย การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างอย่างเป็นระบบ แถลงความคืบหน้ากรณีถนนสามเสนยุบ บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ว่า หลังจากศึกษาเรื่องดังกล่าวมา 3 สัปดาห์ ขณะนี้ได้รับข้อมูลทางเทคนิคและจำเป็นต้องแจ้งให้ประชาชนในพื้นที่โดยรอบบริเวณทราบว่าได้เกิดการยุบตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อุโมงค์ทั้ง 2 ระดับ อุโมงค์บนและอุโมงค์ล่างยุบตัวไปทางทิศตะวันออกอีกประมาณ 25 เมตร อาจทำให้มีความเสี่ยงที่จะพังลงมาและเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ซึ่งหลังจากนี้จะแจ้งไปยังกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่จะต้องรับทราบ และเตือนประชาชน พร้อมปิดพื้นที่ดังกล่าว

“คณะกมธ. ได้เชิญ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัทที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ซึ่งจากการพิจารณามานั้น รฟม.มา 2 ครั้ง บริษัทควบคุมการก่อสร้างมา 1 ครั้ง แต่บริษัทดังกล่าวก็ยังไม่มาชี้แจง ด้วยสถานการณ์ที่อุโมงค์เกิดการแตกร้าวและทรุดตัวอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีใครออกมาเตือนประชาชน ซึ่งอาจเกิดการพังถล่มขึ้นได้ทุกเมื่อ คณะกรรมาธิการจึงเห็นว่าบริษัทและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องเข้าร่วมเจรจาอย่างเร่งด่วน พร้อมยืนยันว่าคณะกรรมาธิการให้เกียรติทุกฝ่าย แต่เมื่อเชิญแล้วไม่ได้รับข้อมูลเพิ่มเติม จะเตรียมใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติอำนาจเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. 2568 หากยังไม่มาชี้แจง จะดำเนินคดีตามที่กฎหมายกำหนด” ประธานคณะกรรมาธิการ กล่าว

นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการจะประสานให้หน่วยงานที่ได้รับผลกระทบ เช่น สถานีตำรวจและโรงพยาบาล เข้าดำเนินการแจ้งความ เพื่อให้เกิดการสอบสวนและหาผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้ โดยย้ำว่าการดำเนินการทั้งหมดเป็นไปเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบถึงอันตรายและเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอย่างเร่งด่วนในพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบ

ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชน ในฐานะ สส.พื้นที่ กล่าวว่า หลังจากได้เข้าร่วมประชุมกับหลายคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการตั้งกระทู้สดถามนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันว่าจะตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการได้ทักท้วงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และกระทรวงคมนาคม ในประเด็นการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ โดยเห็นว่าควรเพิ่มสัดส่วนผู้เชี่ยวชาญจากภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นต่อกระบวนการตรวจสอบ เพราะจากจำนวนกรรมการทั้งหมด 11 คน มีเพียง 2 คนที่มาจากองค์กรอิสระหรือภาคประชาชน

พร้อมกันนี้ได้มีการทำหนังสือถึงกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อขอให้เพิ่มตัวแทนจากภาคประชาชนที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง เข้ามาร่วมในกระบวนการตรวจสอบ เพื่อไม่ให้เกิดการเจรจาลับหลังประชาชน เนื่องจากปัจจุบันข้อมูลและรายงานข้อเท็จจริงยังไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงคณะกรรมาธิการเอง ยังมีข้อสงสัยและไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและได้สอบถามเรื่องการขึ้นบัญชีดำหรือแบล็กลิสต์บริษัทผู้รับเหมา

“หากพบว่ามีความผิดพลาดในการก่อสร้าง ซึ่งจะส่งผลให้ไม่สามารถรับงานภาครัฐในอนาคตได้ แต่กลับไม่ได้รับคำตอบใด ๆ ทั้งสิ้น พร้อมย้ำว่าส.ส.และคณะกรรมาธิการมีหน้าที่ต้องสื่อสารความจริงกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมา และจะติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยคาดหวังว่านายกรัฐมนตรีจะทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ว่า การตรวจสอบจะเป็นไปอย่างโปร่งใส ยุติธรรม และไม่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนหรือผู้รับเหมาใด ๆ” ปารเมศ กล่าว

ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ รองประธานคณะกรรมาธิการคนที่หนึ่ง กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐและผู้รับเหมาที่เกี่ยวข้องแสดงความรับผิดชอบและสามัญสำนึกในการปฏิบัติหน้าที่ โดยเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมาธิการอย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากคณะกรรมาธิการได้รับการมอบหมายจากสภาผู้แทนราษฎรให้ติดตามและตรวจสอบกรณีดังกล่าวโดยเฉพาะ แต่จนถึงขณะนี้หลายหน่วยงานยังคงหลีกเลี่ยงการให้ข้อมูล ซึ่งถือว่าขาดความตระหนักต่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของประชาชน ทั้งยังเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อภารกิจของตน ซึ่งหากไม่ทราบข้อมูล ก็ควรเข้ามาชี้แจงให้ทราบอย่างโปร่งใส

“เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาแล้วกว่า 3 สัปดาห์ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถระบุสาเหตุหรือวิเคราะห์ต้นตอของสาเหตุได้อย่างชัดเจน จึงควรมีการตั้งข้อสังเกตถึงศักยภาพของบริษัทผู้รับจ้างว่ามีความสามารถเพียงพอในการดำเนินงานหรือไม่ เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่มีทั้งผู้รับเหมาและรฟม. ออกมาชี้แจงสาเหตุของการยุบตัวอย่างเป็นทางการ” รองประธานคณะกรรมาธิการคนที่หนึ่ง กล่าว