นักวิจัยกองทุน ววน. จับมือ วสท. นำเทคโนโลยี 3D Scan และ AI วิเคราะห์รอยแยก ความลึก -ขอบเขตการทรุดถนนหน้ารพ.วชิร
รศ. ดร.พรหมพัฒน ธัญสิริชัยศรี นักวิจัยจากศูนย์วิจัย IIMRaS คณะวิศวกรรมศาสตร์ ร่วมกับ ผศ. ดร.อมรเทพ จิรศักดิ์จำรูญศรี สาขาวิชาเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนายั่งยืน คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยผศ.ดร.ธเนศ วีระศิริ ที่ปรึกษาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) โดยนำเทคโนโลยี สแกนสามมิติ (3D Scan) มารวบรวมข้อมูลสภาพพื้นผิวและภูมิประเทศอย่างละเอียด พร้อมผสานกับการประมวลผลด้วย AI InSpectra ซึ่งเป็นระบบวิเคราะห์เชิงวิศวกรรมโครงสร้าง เพื่อสร้างฐานข้อมูลสามมิติที่ครบถ้วนและแม่นยำสำหรับการวิเคราะห์เชิงลึกอย่างเร่งด่วน

เบื้องหลังเทคโนโลยีนี้คือการใช้ข้อมูลจาก 3D Scan ซึ่งบันทึกสภาพจริงของพื้นที่ในเชิงปริมาตรและรายละเอียดพื้นผิว ร่วมกับ ภาพถ่ายและข้อมูลจากกล้องหรือโดรน ที่ InSpectra ประมวลผลเป็นแบบจำลองสามมิติความละเอียดสูง จากนั้นระบบจะนำข้อมูลทั้งสองส่วนมาเปรียบเทียบกับแบบจำลองก่อนหน้า เพื่อค้นหาการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เช่น รอยแยก ความลึก และขอบเขตของการทรุดตัวอย่างชัดเจน

ภารกิจถัดมาคือการติดตั้ง เครื่องตรวจวัดการสั่นสะเทือน TUSHM เพื่อเฝ้าระวังแรงสั่นไหวที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการซ่อมแซมถนนและพื้นที่โดยรอบ ซึ่งการดำเนินงานครั้งนี้ได้รับความอนุเคราะห์ด้านการอำนวยความสะดวกในการเข้าพื้นที่จาก ดร.อำพัน วิมลวัฒนา รองคณบดี คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล โดยก่อนหน้านี้ ทีม TUSHM ได้ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดไว้ที่อาคารเพชรรัตน์แล้ว และมีแผนขยายไปยังอาคารทีปังกรฯ รวมถึงอาคารสำคัญอื่นภายในโรงพยาบาล เพื่อเพิ่มความครอบคลุมของระบบเฝ้าระวัง ทั้งสองภารกิจได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ภายใต้กองทุน ววน. ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการบูรณาการองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อจัดการความเสี่ยง และยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ

ผลลัพธ์จากการบูรณาการเทคโนโลยีทั้งสองส่วนนี้ช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรุงเทพมหานคร และวิศวกรโครงสร้าง สามารถประเมินความเสี่ยงได้แม่นยำยิ่งขึ้น และกำหนดมาตรการแก้ไขหรือป้องกันได้ทันท่วงที

เหตุการณ์นี้นับเป็นครั้งแรกที่มีการนำ ระบบเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตรวจสอบโครงสร้างอัตโนมัติควบคู่กับ 3D Scan และ เครื่องตรวจวัดการสั่นสะเทือน มาใช้กับภัยพิบัติในเขตเมืองของประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยทีมวิจัยยืนยันว่าจะต่อยอดข้อมูลที่ได้ไปพัฒนาระบบติดตามอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการประเมินความมั่นคงของพื้นที่เสี่ยงในอนาคต
