News

มอเตอร์เวย์ M 6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา คาดเปิดใช้งานเต็มรูปแบบได้ในต้นปี’66 แก้ปัญหารถติดบนถนนมิตรภาพ

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 สาย บางปะอิน – สระบุรี – นครราชสีมา ช่วงอําเภอปากช่อง – อําเภอสีคิ้ว ช่วยเพิ่มความสะดวก รวดเร็วและปลอดภัยให้กับประชาชนในการเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 โดยมี อภิสิทธิ์ พรหมเสน รองอธิบดีกรมทางหลวง และวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ร่วมให้การต้อนรับ ณ จุดตัดกับถนนมิตรภาพ กิโลเมตรที่ 65 บ้านหนองไผ่ล้อม ตําบลหนองสาหร่าย อําเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 สาย บางปะอิน - สระบุรี - นครราชสีมา ช่วงอําเภอปากช่อง - อําเภอสีคิ้ว

กรมทางหลวง เปิดให้บริการชั่วคราวมอเตอร์เวย์ช่วงปากช่อง – สีคิ้ว ระยะทาง 35.75 กม.

อภิสิทธิ์ พรหมเสน รองอธิบดีกรมทางหลวง ฝ่ายบำรุงทาง
อภิสิทธิ์ พรหมเสน รองอธิบดีกรมทางหลวง ฝ่ายบำรุงทาง

อภิสิทธิ์ พรหมเสน รองอธิบดีกรมทางหลวง ฝ่ายบำรุงทาง กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้กรมทางหลวง เปิดให้บริการชั่วคราวทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 (มอเตอร์เวย์) ช่วง ปากช่อง – สีคิ้ว ระยะทาง 35.75 กิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. เวลา 6:00 น. จนถึงวันที่ 19 เม.ย. 64 เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรในเส้นทางสู่ภาคอีสาน ซึ่งกรมทางหลวงได้เตรียมความพร้อมในการเปิดใช้งานดังกล่าว โดยปรับปรุงทางเชื่อมทางเข้า – ออก ปรับปรุงจุดกลับรถ ไฟฟ้าแสงสว่าง เพิ่มป้ายประชาสัมพันธ์ อุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย และปรับปรุงภูมิทัศน์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางบนทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 พร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชนเดินทางเหลื่อมเวลา”บ้านใกล้กรุงเทพฯให้เดินทางออกทีหลัง และเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯก่อน ซึ่งการกระจายการเดินทางจะเป็นแนวทางช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดได้เป็นอย่างดี

การเปิดให้บริการทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 จะมีจุดเริ่มต้นทางเข้าบริเวณทางเบี่ยงบนทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) กม.65 และไปสิ้นสุดทางออกที่ทางหลวงหมายเลข 201 กม.5+400 ซึ่งกรมทางหลวงได้จัดการจราจรทิศทางเดียวในแต่ละช่วงเวลา (จำนวน 2 ช่องจราจร) แบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา คือ วันที่ 9 – 13 เม.ย. 64 รองรับทิศทางขาออก (มุ่งหน้าภาคอีสาน) และ วันที่ 14 – 19 เม.ย. 64 รองรับทิศทางขาเข้า (มุ่งหน้ากรุงเทพฯ) ในส่วนฝั่งกลับกันจะสงวนไว้ใช้สำหรับบริการฉุกเฉิน


ทำความรู้จักทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข M6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา

โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 สายบางปะอินนครราชสีมา หรือทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข M6 เป็นหนึ่งโครงการสําคัญที่มีความจําเป็นเร่งด่วน โดยได้รับการบรรจุในแผนมาตรการเร่งรัดการลงทุน Action Plan ของกระทรวงคมนาคม และมาตรการเร่งรัดโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP Fast Track) ของกระทรวงการคลัง เพื่อเร่งรัดการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

ปัจจุบันกรมทางหลวงอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างงานโยธา เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานก่อสร้างให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด สำหรับการก่อสร้างงานระบบ การดำเนินงานและการบำรุงรักษาภายหลังจากโครงการเปิดให้บริการ คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2560 อนุมัติให้กรมทางหลวงเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนร่วมลงทุนและบริหารจัดการ ในรูปแบบ PPP Gross Cost ซึ่งเอกชนจะเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างงานระบบและจัดเก็บรายได้ทั้งหมดส่งมอบให้แก่ภาครัฐ โดยภาคเอกชนจะได้รับค่าจ้างตอบแทนในการดำเนินงานและบำรุงรักษา พร้อมทั้งจ่ายคืนค่าก่อสร้างงานระบบตามกรอบระยะเวลาและเงื่อนไขที่กำหนด


โครงการฯ มีระยะทางรวมประมาณ 196 กม. มีทางแยกต่างระดับ 10 แห่ง -ด่านเก็บค่าผ่านทาง 9 แห่ง

โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา มีระยะทางรวมประมาณ 196 กิโลเมตร โดยออกแบบให้มีการควบคุมการเข้าออกอย่างสมบูรณ์ มีจุดเริ่มต้นเชื่อมต่อกับถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันออก (ถนนกาญจนาภิเษก) อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และไปสิ้นสุดที่บริเวณทางเลี่ยงเมืองจังหวัดนครราชสีมาด้านตะวันตก อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ตลอดแนวเส้นทางจะมีทางแยกต่างระดับ (Interchange) เพื่อเชื่อมต่อกับโครงการกับทางหลวงสายสําคัญ ๆ มีทั้งหมด 10 แห่ง ได้แก่ 1) ทางแยกต่างระดับบางปะอิน 1 2) ทางแยกต่างระดับบางปะอิน 2 3) ทางแยกต่างระดับวังน้อย 4) ทางแยกต่างระดับหินกอง 5) ทางแยกต่างระดับสระบุรี 6) ทางแยกต่างระดับแก่งคอย 7) ทางแยกต่างระดับมวกเหล็ก 8) ทางแยกต่างระดับปากช่อง 9) ทางแยกต่างระดับสีคิ้ว และ10) ทางแยกต่างระดับนครราชสีมา

ในส่วนของด่านเก็บค่าผ่านทางจำนวน 9 แห่ง ได้แก่ 1) ด่านบางปะอิน 2) ด่านวังน้อย 3) ด่านหินกอง 4) ด่านสระบุรี 5) ด่านแก่งคอย 6) ด่านมวกเหล็ก 7) ด่านปากช่อง 8) ด่านสีคิ้ว และ 9) ด่านขามทะเลสอ พร้อมกันนี้จัดให้มีที่พักริมทาง (Rest Area) และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สำหรับผู้ใช้ทาง จำนวน 8 แห่ง ตลอดแนวเส้นทางโครงการ โดยแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1) จุดพักรถ (Rest Stop) 5 แห่ง ประกอบด้วย วังน้อย หนองแค ทับกวาง ลำตะคอง และขามทะเลสอ 2) สถานที่บริการทางหลวง (Service Area) จำนวน 2 แห่ง ประกอบด้วย สระบุรี และสีคิ้ว และ 3) ศูนย์บริการทางหลวง (Service Center) 1 แห่ง ได้แก่ ปากช่อง


ก่อสร้างทางแนวใหม่ตามมาตรฐานทางหลวงพิเศษ ขนาด 4-6 ช่องจราจร ใช้ผิวทางคอนกรีตที่มีความคงทน – ซ่อมบำรุงน้อย

ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองขนาด 4 ช่องจราจร
ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองขนาด 4 ช่องจราจร
ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองขนาด 6 ช่องจราจร
ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองขนาด 6 ช่องจราจร

สำหรับรูปแบบการก่อสร้าง เป็นการก่อสร้างทางแนวใหม่ตามมาตรฐานทางหลวงพิเศษ ขนาด 4-6 ช่องจราจร ออกแบบให้ใช้ผิวทางคอนกรีตที่มีความคงทนและมีการซ่อมบำรุงน้อย เขตทางทั่วไปกว้างประมาณ 70 เมตร (บริเวณที่มีการออกแบบทางบริการจะเพิ่มความกว้างเขตทางออกไปด้านละ 20 เมตร) มีความกว้างช่องจราจร 3.60 เมตร ความกว้างของไหล่ทางด้านใน 1.50 เมตร และความกว้างของไหล่ทางด้านนอก 3.00 เมตร ตามรายละเอียดดังนี้ 1) ช่วง อ.บางปะอิน – อ.ปากช่อง (กม.0+000 – กม.109+500) ออกแบบเป็นทางหลวงพิเศษบนดินขนาด 6 ช่องจราจร 2) ช่วง อ.ปากช่อง-อ.เมืองนครราชสีมา (กม.109+500 – กม.+196+000) ออกแบบเป็นทางหลวงพิเศษบนดินขนาด 4 ช่องจราจร โดยตลอดสายทางได้ออกแบบให้มีทางลอดและทางข้ามเพื่อลดผลกระทบให้กับประชาชนในพื้นที่ และจากความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ได้ออกแบบให้มีช่วงทางยกระดับขนาดใหญ่ดังนี้ ทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร ช่วง กม.40-กม.47 บริเวณทางเลี่ยงเมืองสระบุรี ทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร ช่วง กม.69-กม.75 บริเวณโรงปูนซีเมนต์ทีพีไอ ทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร ช่วง กม.82-กม.84 บริเวณองค์การส่งเสริมกิจการโคนม และ ทางยกระดับขนาด 4 ช่องจราจร ช่วง กม.125-กม.143 บริเวณลำตะคอง

ทางยกระดับลำตะคอง
ทางยกระดับลำตะคอง

จัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางระบบปิด คิดค่าใช้จ่ายตามระยะทางที่ใช้จริง

กรมทางหลวงได้กำหนดให้จัดเก็บค่าผ่านทางแบบระบบปิด (Closed System) ซึ่งคิดค่าธรรมเนียมตามระยะทางที่ใช้จริง การจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง กรมทางหลวงได้กำหนดให้จัดเก็บค่าผ่านทางแบบระบบปิด (Closed System) ซึ่งคิดค่าธรรมเนียมตามระยะทางที่ใช้จริง โดยกรมทางหลวงจะกำหนดให้มีวิธีการจัดเก็บค่าผ่านทางทั้งแบบเงินสด (Manual Toll Collection : MTC) และแบบอัตโนมัติ (Electronic Toll Collection : ETC )

ภาพตัวอย่างทัศนียภาพด่านเก็บค่าผ่านทาง
ภาพตัวอย่างทัศนียภาพด่านเก็บค่าผ่านทาง

โดยได้กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมผ่านทางที่เหมาะสม สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน โดยพิจารณาจากการวิเคราะห์รายได้ค่าผ่านทางที่คาดว่าจะจัดเก็บได้ในอนาคต และอัตราผลตอบแทน ทางเศรษฐกิจของโครงการ สรุปอัตราค่าผ่านทางได้ ดังนี้

ประเภทรถอัตราค่าผ่านทาง
(
อัตราแรกเข้า + อัตราคิดตามระยะทาง)
รถยนต์ 4 ล้อ10 บาท + 1.25 บาท/กม.
รถยนต์ 6 ล้อ16 บาท + 2.00 บาท/กม.
รถยนต์มากกว่า 6 ล้อ23 บาท + 2.88 บาท/กม.

จัดระบบการบริหารจัดการ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย

เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยในการเดินทางของผู้ใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดให้มีระบบต่าง ๆ ดังนี้

1) ระบบควบคุมการจราจร (Traffic Control Surveillance System) เป็นระบบที่จะช่วยลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุของผู้ใช้ทาง และช่วยอำนวยการจราจรให้มีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น โดยระบบประกอบด้วยห้องควบคุมกลาง เพื่อเชื่อมโยงสั่งการไปยังเครื่องมืออุปกรณ์อำนวยการจราจรต่าง ๆ ตลอดสายทาง ประกอบด้วย ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (Close Circuit Television System: CCTV) สำหรับการตรวจตราสภาพการจราจรบนทางพิเศษ ระบบโทรศัพท์ฉุกเฉิน (Emergency Telephone System : ETS) เพื่อรองรับการติดต่อสื่อสารของผู้ใช้ทางกับเจ้าหน้าที่ ควบคุมการจราจร ในกรณีที่ผู้ใช้ทางต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ ระบบโทรศัพท์ (IP Phone) เป็นระบบโทรศัพท์รองรับการสื่อสารระหว่างด่านเก็บเงินระบบป้ายปรับเปลี่ยนข้อความ (Variable Message Sign : VMS) ใช้บอกและแสดงข้อมูลต่างๆ เพื่อแนะนำและเตือนผู้ใช้ทาง ระบบป้ายสัญญาณปรับได้ (Matrix Sign: MS) ใช้แสดงสัญญาณลักษณะและเครื่องหมายจราจรที่เปลี่ยนแปลงได้ ระบบนาฬิกามาตรฐาน (Clock System) เป็นเวลามาตรฐานเพื่อใช้เปรียบเทียบเวลาที่แม่นยำและเที่ยงตรงของระบบเก็บค่าผ่านทางและระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ระบบวิทยุสื่อสาร (Radio Communication) ใช้เป็นตัวรับ-ส่งสัญญาณสำหรับการติดตั้งสื่อสารต่างๆ ให้ครอบคลุมพื้นที่โครงการ ระบบตรวจนับจำนวนยานพาหนะ (Vehicle Detector System : VDS) โดยติดตั้งทุกช่องจราจร เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์สภาพจราจร ระบบสื่อสารข้อมูล (Graphic Display Panel) ทำหน้าที่รับ-ส่ง ข้อมูลของระบบการควบคุมการจราจร และระบบจัดเก็บค่าผ่านทางมายังศูนย์ควบคุม ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมจราจร (Central Computer System: CCS)มีหน้าที่หลักในการจัดการข้อมูลรวมที่ศูนย์ควบคุม (CCB) และระบบเครือข่ายสื่อสารข้อมูล (Communication Network System) เป็นระบบสื่อสารหลัก (Backbone) มีหน้าที่หลักในการรับ-ส่งข้อมูล ผ่านโครงข่ายไฟเบอร์ออพติก

2) ระบบชั่งน้ำหนัก ระบบชั่งน้ำหนักบริเวณด่านเก็บค่าผ่านทาง เพื่อคัดกรองรถบรรทุกที่บรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ที่อาจทำความเสียหายต่อโครงสร้างทาง ซึ่งระบบประกอบด้วย ระบบเครื่องชั่งแบบเคลื่อนที่ (Dynamic หรือ Weighing in Motion System, WIM) และแบบจอดชั่ง (Static Weighbridge) โดยลักษณะการทำงาน รถบรรทุกจะแล่นผ่านสถานีแบบเคลื่อน (WIM) ก่อน ถ้าน้ำหนักไม่เกินกำหนดก็สามารถวิ่งเข้าใช้ทางพิเศษได้ ส่วนรถที่มีน้ำหนักเกินจะต้องเข้าชั่งน้ำหนักอีกครั้งหนึ่งที่สถานีแบบจอดชั่ง (Static Weighbridge : SWB) เพื่อตรวจสอบน้ำหนักที่มีผลถูกต้องแม่นยำ

3) ระบบกู้ภัย โครงการได้ออกแบบให้มีระบบกู้ภัยตลอดสายทาง เพื่ออำนวยความปลอดภัย และช่วยเหลือผู้ใช้ทางในยามฉุกเฉิน ให้สามารถเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุภายในช่วงระยะเวลาที่กำหนด

อภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 สาย บางปะอิน – นครราชสีมา จำนวน 40 ตอน ระยะทาง 196 กิโลเมตร ปัจจุบันงานก่อสร้างโยธาภาพรวม อยู่ที่ 93 % งานก่อสร้างระบบอยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะเปิดใช้งานเต็มรูปแบบได้ในต้นปีพ.ศ.2566 ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จ จะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดบนถนนมิตรภาพที่มีปริมาณการจราจรหนาแน่น ส่งผลให้ผู้ใช้ทางสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็วและปลอดภัยอีกด้วย