News

ครม.มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ ต.สระแก้ว-ต.ท่าเกษม อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว พ.ศ. …. เพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท ถนนสาย ก

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ.2565 ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล โดย ครม.มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ ตำบลสระแก้ว และตำบลท่าเกษม อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้ คค. รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 

ทั้งนี้ ร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ที่ คค. เสนอ เป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ ตำบลสระแก้ว และตำบลท่าเกษม อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว เพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท ถนนสาย ก ตามโครงการผังเมืองรวมเมืองสระแก้ว สามารถรองรับการเจริญเติบโตของชุมชนเมือง รวมทั้งสนับสนุนยุทธศาสตร์ของจังหวัดด้านประตูสู่อินโดจีน เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการค้าการท่องเที่ยวบริเวณชายแดนตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งเป็นการดำเนินการเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่แล้วเสร็จ ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสระแก้ว และ ตำบลท่าเกษม อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว พ.ศ. 2561 ซึ่งสิ้นผลบังคับใช้ในวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ.2565 โดยกรมการปกครองได้ตรวจสอบร่างแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้แล้ว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2565 (เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับกรณีการตราร่างกฎหมายหรือร่างอนุบัญญัติที่ต้องจัดให้มีแผนที่ท้าย) และสำนักงบประมาณเห็นควรที่กรมทางหลวงชนบทจะเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ต่อครม.

สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา คือการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสระแก้ว และตำบลท่าเกษม อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว เพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท ถนนสาย ก ตามโครงการผังเมืองรวมเมืองสระแก้ว มีกำหนดใช้บังคับ 5 ปี โดยให้เริ่มต้นเข้าสำรวจที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ภายในแนวเขตที่ดินที่จะเวนคืนภายใน 180 วัน นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ