Property

FTREIT แจงรายได้ครึ่งปีแรก 1,812.8 ล้านบาท โต 8.3% รับอานิสงส์ซัพพลายเชนดิสรัปชั่น ดีมานด์คลังสินค้าระยะสั้นพุ่ง

กรุงเทพฯ : บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล รีท แมนเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “FIRM”  ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ “FTREIT” เผยผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 (มกราคม – มีนาคม 2565) รายได้รวมอยู่ที่ 907.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.7 ล้านบาท หรือ 4.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน กำไรจากการลงทุนสุทธิมีจำนวน 635.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.3 ล้านบาท หรือ 2.1% โดยมีปัจจัยหลักมาจากสัดส่วนพื้นที่เช่าและอัตราการเช่าพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น ด้วยดีมานด์ของผู้เช่าที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง ได้แก่ กลุ่มโลจิสติกส์ ยานยนต์ และ อิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้ผลประกอบการของครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2565 (ตุลาคม 2564 – มีนาคม 2565) มีรายได้รวม 1,812.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138.5 ล้านบาท หรือ 8.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรจากการลงทุนสุทธิอยู่ที่ 1,270.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114.9 ล้านบาท หรือ 9.9%

สำหรับผลประโยชน์ตอบแทนประจำไตรมาสที่ 2 FTREIT ได้ประกาศจ่ายในอัตรา 0.1750 บาทต่อหน่วยทรัสต์ โดยมีกำหนดจ่ายในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ทั้งนี้ เมื่อรวมกับไตรมาสก่อน FTREIT ได้ประกาศจ่ายผลตอบแทนในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2565 รวม 0.3450 บาทต่อหน่วยทรัสต์

ปัจจุบัน ทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการของกองทรัสต์ FTREIT ประกอบด้วย อาคารโรงงานและคลังสินค้ารวม 641 ยูนิต บนพื้นที่ให้เช่ารวม 2.06 ล้านตารางเมตร โดยทุกโครงการตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ของไทย ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี สมุทรปราการ ปราจีนบุรี และจังหวัดในพื้นที่ EEC

ธนะรัชต์ บุญญะโกศล กรรมการผู้จัดการ FIRM เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรก (ตุลาคม 2564 – มีนาคม 2565) FTREIT สามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายได้อย่างเป็นที่น่าพึงพอใจ โดยยังคงรักษาอัตราการเช่าเฉลี่ย (Average Occupancy Rate) อยู่ในระดับสูง ที่ 87.0% ภายใต้สถานการณ์ COVID-19 กอปรกับปัจจัยสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบกับกลุ่มอุตสาหกรรมในด้านต้นทุนโลจิสติกส์ จากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น ทำให้กลุ่มผู้เช่าชะลอการส่งออก และมีความต้องการใช้พื้นที่คลังสินค้าในระยะสั้นเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทำให้ FTREIT ได้รับอานิสงส์จากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยคาดว่าแนวโน้มดีมานด์จะยังคงเติบโตไปจนถึงสิ้นปี 2565

“เพื่อสร้างการเติบโตแก่กองทรัสต์และสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ ในครึ่งปีหลังของปีงบประมาณ 2565 FTREIT จะเดินหน้าบริหารงานเชิงรุก ด้วยการเพิ่มเติมผู้เช่าในอุตสาหกรรมใหม่ที่มีการเติบโตเข้ามาในพอร์ตโฟลิโอในสัดส่วนที่มากขึ้น รวมถึงลงทุนปรับปรุงคุณภาพทรัพย์สินที่มีศักยภาพ (Asset Enhancement Initiative หรือ AEI) เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ พร้อมเข้าลงทุนในทรัพย์สินในทำเลยุทธศาสตร์ทางด้านการผลิต และโลจิสติกส์จากทั้งกลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) และจากกลุ่มบุคคลอื่นในปีนี้ ” ธนะรัชต์ กล่าวทิ้งท้าย