Thursday, April 25, 2024
Latest:
Property

FPIT เดินหน้าลงทุนธุรกิจอสังหาฯ ปีละ 10,000 ล้านบาท สู่เป้าหมายขยายพื้นที่รวม 4 ล้านตรม.ภายในปี ’68

บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ FPIT ในเครือบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือFPT ผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรรายแรกของประเทศไทยและในอาเซียน สานต่อธุรกิจตามแผนกลยุทธ์ “น่านน้ำสีม่วง” เพื่ออุตสาหกรรมสู่ยุคใหม่ครบวงจรทั้งในด้านการให้บริการโรงงานและคลังสินค้าภาคอุตสาหกรรมทุกรูปแบบ ที่อยู่อาศัย และ พาณิชยกรรม ด้วยงบลงทุนปีละ 10,000 ล้านบาท เพื่อให้บรรลุเป้าการขยายพื้นที่รวม 4,000,000 ตารางเมตร ภายในปี พ.ศ. 2568

โสภณ ราชรักษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปีพ.ศ.2565 ว่า บริษัทฯ จะต่อยอดความสำเร็จของกลยุทธ์ “น่านน้ำสีม่วง” (Purple Ocean Strategy) ซึ่งพัฒนาที่ดินในเขตพื้นที่อุตสาหกรรมทั้งในด้านการให้บริการโรงงานและคลังสินค้าภาคอุตสาหกรรมทุกรูปแบบ ที่อยู่อาศัย และ พาณิชยกรรม ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งจากปี พ.ศ.2564 ที่ขับเคลื่อนธุรกิจให้มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และเพิ่มขีดสามารถขององค์กรเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงหลังยุค COVID-19 สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน นำเสนอจุดแข็งที่โดดเด่นและแตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นอย่างชัดเจนทั้งในเรื่องการนำโซลูชันครบวงจรมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ การก่อสร้างที่มุ่งเน้นการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ลูกค้าทุกๆรายได้รับความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ใช้งานในอาคารและการประยุกต์ใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีเพื่อบริการแก่ลูกค้า ซึ่งจะใช้งบลงทุนปีละ 10,000 บาทจากนี้ไปอีก 5 เพื่อเร่งบรรลุเป้าการขยายพื้นที่รวม 4,000,000 ตารางเมตร ภายในปี พ.ศ.2568

โดยในปี พ.ศ.2565 นี้บริษัทฯ มีแผนจะลงนามสัญญาพัฒนาอาคารอุตสาหกรรมใหม่ พื้นที่รวมกว่า 200,000 ตารางเมตร และยังมีลูกค้าใน Pipeline ที่กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาอีกจำนวนมาก เนื่องจากความต้องการใช้พื้นที่อาคารโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ FPIT ยังเตรียมเปิดตัวเมกะโปรเจ็กต์อีก 2 โครงการ ได้แก่ เมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และ โลจิสติกส์-บิสเนสปาร์คขนาดเล็กใกล้เมือง ซึ่งจะกลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต

ปัจจุบันบริษัทฯ และภายใต้กลุ่มบริษัท มีที่ดินเปล่า ซึ่งเป็นแลนด์แบงก์สะสมพร้อมนำมาพัฒนาราว 8,000 ไร่ แบ่งใน 3 พื้นที่สำคัญ ได้แก่พื้นที่รอบกรุงเทพมหานคร บริเวณย่าน บางนา บางพลี และลาดกระบัง ประมาณ 5,000 ไร่ พื้นที่ทางด้านเหนือของกรุงเทพมหานคร บริเวณ นวนคร วังน้อย และจังหวัดอยุธยา ประมาณ 1,000 ไร่ และพื้นที่ EEC ประมาณ 2,000 ไร่ 

“การดำเนินธุรกิจที่มุ่งมั่นตอบสนองกลุ่มลูกค้าของทุกๆกลุ่มอย่างดีที่สุดถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่FPIT ใช้มาอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ เข้ามาดำเนินธุรกิจในตลาดอสังหาฯ ตลาดโรงงานครบวงจรและอื่นๆที่ใกล้เคียงกับทางบริษัทฯ ก็ตาม โดยลูกค้าจะเป็นผู้เลือกและบอกต่อการทำงานของบริษัทฯ ให้ลูกค้ารายใหม่ๆเข้ามาเป็นลูกค้าของบริษัท ฯ เป็นส่วนใหญ่” โสภณ กล่าว

นอกจากนี้ด้วยศักยภาพทำเลที่ดินที่บริษัทฯมี เป็นอีกข้อได้เปรียบที่ลูกค้าสามารถเลือกทำเลพื้นที่ได้หลายๆที่ รวมทั้งการก่อสร้างอาคารแบบมาตรฐานต่างๆบริษัทฯ มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ลูกค้ารายใหญ่ๆ ที่ต้องการอาคารรูปแบบสั่งสร้างให้เสร็จตามเวลาที่ลูกค้าต้องการโดยในปี พ.ศ.2565 ตั้งเป้ายอดขายที่ดิน 800 ไร่

สำหรับพอร์ตโฟลิโออาคารอุตสาหกรรมของ FPIT ปัจจุบันมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย โดยมีพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการรวมทั้งสิ้น 3,100,000 ตารางเมตร ครอบคลุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย รวมถึงเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งยังมีโรงงานมาตรฐานและคลังสินค้าสำเร็จรูปพร้อมให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการพื้นที่แบบเร่งด่วน โดย FPIT ยังคงเป้าหมายในการขยายพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการรวมสู่ 4,000,000 ตารางเมตรภายในปี พ.ศ.2568 หรือ ตั้งเป้าขยายพื้นที่ 150,000-200,000 ตารางเมตรต่อปี

โสภณ กล่าวว่าถึงแม้ว่าจะมีวิกฤต COVID-19 และสถานการณ์สงคราม รัสเซีย-ยูเครน ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเดินหน้าพัฒนาที่ดินเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากนัก และสัดส่วนลูกค้าก็ยังคงเพิ่มขึ้นด้วย โดยปัจจุบันสัดส่วนของลูกค้าของบริษัทฯ แบ่งเป็น ลูกค้าชาวญี่ปุ่น 31.17% ลูกค้าชาวไทย 21.67% อื่นๆ 19.89% เยอรมนี 12.76% สหรัฐอเมริกา 5.24% สิงคโปร์ 5.21% และจีน 4.62% โดยบริษัทฯวางเป้าหมายรายได้จากค่าเช่าที่จากลูกค้าในปี พ.ศ.2565 ประมาณ 5,000 ล้านบาท เติบโต 10% จากปี พ.ศ.2564

ด้านการลงทุนในต่างประเทศ FPIT เริ่มขยายการลงทุนในต่างประเทศตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 โดยเริ่มเข้าไปลงทุนในธุรกิจพัฒนาคลังสินค้าสำหรับเช่าในประเทศอินโดนีเซีย ปัจจุบันมีพื้นที่ให้บริการรวมกว่า 150,000 ตารางเมตร  และล่าสุดเมื่อปี พ.ศ.2564 ที่ผ่านมา FPIT ได้ขยายการลงทุนในธุรกิจอสังหาฯ เพื่ออุตสาหกรรม ที่เมืองบินห์เยือง ประเทศเวียดนาม ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าอย่างดี จึงเตรียมเดินหน้าเปิดโครงการเฟส 2 เพิ่มเติมอีก 70,000 ตารางเมตรในปี พ.ศ.2565 นี้ ทำให้บริษัทฯ มีพื้นที่เช่าให้บริการในเวียดนามรวมทั้งสิ้นกว่า 100,000 ตารางเมตร

โสภณ กล่าวต่อว่า ในปี พ.ศ.2565 บริษัทฯ มีโครงการใหม่ 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ GOMICO พระประแดง โครงการบางพลีหมายเลข7 โครงการในพื้นที่บางปะกง ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับญี่ปุ่น (มิตซุย ฟูโดซัง) และโครงการบริเวณ บางนา กม. 32