Taiwan Excellence Pavilion เปิดตัว 13 นวัตกรรมเด่น ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทย ภายใต้ “Green Vision” และ “Smart Manufacturing”
ไต้หวันเดินหน้าแสดงบทบาทผู้นำในแวดวงเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ พร้อมเปิดตัวโซลูชันอุตสาหกรรมอัจฉริยะหลากหลายรูปแบบภายในงาน Manufacturing Expo 2025 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ สะท้อนความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมไต้หวันในการขับเคลื่อนการผลิตยุคใหม่ภายใต้แนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้รับเกียรติจาก Dr.Doong, Sy-Chi (Andy) ประธานจากสภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกไต้หวัน (TAITRA) และ ดร.สมสิทธิ์ มูลสถาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เข้าร่วมกล่าวเปิดงานในครั้งนี้

ผู้เข้าร่วมงานจะได้พบกับ “Taiwan Excellence Pavilion” นิทรรศการที่นำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากบริษัทชั้นนำของไต้หวันภายในพื้นที่จัดแสดงที่ออกแบบอย่างพิถีพิถัน โดยเน้นความสมดุลทางสถาปัตยกรรม และเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถรีไซเคิลได้ สื่อถึงความมุ่งมั่นของไต้หวันในการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว ควบคู่กับการผลักดันระบบอัตโนมัติอัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมแห่งอนาคต

ภายใน Taiwan Excellence Pavilion ผู้เข้าร่วมทุกท่านจะยังได้พบกับขบวนผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเพื่อการทำงานให้เป็นระบบอัตโนมัติที่แม่นยำในอุตสาหกรรมการผลิต และอุตสาหกรรมสนับสนุนจาก 13 บริษัทไต้หวันชั้นนำ ได้แก่ Techman Robot, KEEJAAN, HIWIN, SOLOMON TECHNOLOGY, FATEK, AAEON, PLANET, APLEX, MCM, ALASKA, Swan Air Compressor, Conquer Electronics และ KSS ผลิตภัณฑ์อัจฉริยะเหล่านี้จะช่วยพลิกโฉมภาคอุตสาหกรรมของไทย เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพร้อมก้าวไปสู่วิถีแห่งความยั่งยืน ทั้งนี้ทางกองบรรณาธิการวารสาร Electricity & Industry ได้มีโอกาสเข้าร่วมพูดคุยกับ 3 บริษัท
AAEON ผู้นำด้านโซลูชันคอมพิวเตอร์อุตสาหกรรมแบบครบวงจร

AAEON นำเสนออุปกรณ์คอมพิวเตอร์อุตสาหกรรมแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นแท็บเล็ต Edge Computer คอมพิวเตอร์แบบไร้พัดลม หรือคอมพิวเตอร์สำหรับโรงงานที่ต้องการความทนทานและมีประสิทธิภาพสูง รวมถึงอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ที่ตอบโจทย์การทำงานของทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) ต้องการเครื่องมือที่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จุดเด่นสำคัญของ AAEON คือความสามารถในการออกแบบและผลิตคอมพิวเตอร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของลูกค้าได้อย่างแท้จริง ทั้งในด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ช่วยลดต้นทุนในการผลิตได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากคอมพิวเตอร์ทั่วไปในท้องตลาดอาจไม่สามารถนำมาใช้งานในภาคอุตสาหกรรมได้โดยตรง AAEON จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการออกแบบโซลูชันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละสายการผลิต ด้วยต้นทุนที่คุ้มค่า และตอบสนองได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า
AI และ Smart Manufacturing
เมื่อ AI เข้ามามีบทบาทในภาคการผลิต กระบวนการทั้งหมดของโรงงานก็เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง AAEON จึงพัฒนา Edge Computer ที่สามารถประมวลผล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมฝังตัวในโรงงานเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ Smart Manufacturing อย่างเต็มรูปแบบ โรงงานในปัจจุบันจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรองรับเทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น ลดความผิดพลาด และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต

กลุ่มลูกค้าหลักของ AAEON ได้แก่ผู้ผลิตแขนกลอัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ เช่น TTM ที่มีการนำเสนอในงานแสดงสินค้า โดยเบื้องหลังของแขนกลนั้นจำเป็นต้องมีระบบคอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังในการประมวลผล AI สอดคล้องกับแนวทาง Smart Manufacturing และการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การนำ AI มาใช้ในโรงงาน ยังช่วยลดต้นทุนในหลายด้าน ทั้งในเรื่องของการฝึกอบรมพนักงานใหม่ การลดความผิดพลาดในการผลิต การใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า ไปจนถึงการบริหารจัดการวัสดุให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ การมี AI ยังเปิดโอกาสให้โรงงานสามารถสร้าง “Digital Twin” หรือจำลองระบบการผลิตจริงในรูปแบบดิจิทัลได้ ช่วยให้สามารถทดลอง ปรับปรุง และพัฒนากระบวนการผลิตได้ล่วงหน้าโดยไม่ต้องหยุดสายการผลิตจริง ลดความเสี่ยงและต้นทุนจากการทดลองที่ไม่ประสบผลสำเร็จ
AAEON กับบทบาทผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI
AAEON ถือเป็นหนึ่งในบริษัทแรก ๆ ที่เริ่มพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI เพื่อใช้ในภาคการผลิตถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมทั่วโลก
ประเทศไทย ฐานการผลิตแห่งอนาคต
ประเทศไทยกำลังกลายเป็นฐานการผลิตสำคัญระดับโลก โดยมีการย้ายฐานการผลิตจากประเทศอื่น ๆ เข้ามาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น แม้ผู้ผลิตรายใหญ่หลายรายจะยังอยู่ในจีน ไต้หวันหรือญี่ปุ่น แต่ปัจจุบันก็เริ่มมีการผลิตในประเทศไทยมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
AAEON มองเห็นศักยภาพของประเทศไทยในฐานะแหล่งผลิตแห่งอนาคต และพร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศ โดยเฉพาะบริษัทสตาร์ทอัปที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์และอุปกรณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI แม้จะยังเป็นต้นกล้า แต่ก็ต้องการ Partner ที่เชี่ยวชาญด้านการออกแบบระบบและสร้างภาพลักษณ์ให้กับผลิตภัณฑ์ ซึ่ง AAEON พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่
จากการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ AAEON มองเห็นชัดเจนว่าภาคการผลิตในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว บริษัทรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มีส่วนร่วมในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านนี้ และหวังว่าอุปกรณ์และโซลูชันของเราจะมีบทบาทสำคัญในระยะยาวต่อภาคอุตสาหกรรมของไทย
Tong Cheng Iron Works Co., Ltd. ผู้นำด้านเครื่องปั๊มลมแบรนด์ SWAN ที่ทั่วโลกไว้วางใจ

Tong Cheng Iron Works Co., Ltd. ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2499 ที่ไต้หวัน โดยมีความเชี่ยวชาญในการผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องปั๊มลมหรือเครื่องอัดอากาศภายใต้แบรนด์ SWAN มาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี เราให้ความสำคัญในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต ตั้งแต่การออกแบบ พัฒนาแม่พิมพ์ ไปจนถึงการผลิตและการควบคุมคุณภาพอย่างแม่นยำ จนสามารถผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล ได้แก่ TUV ISO9001 จากประเทศเยอรมนี และมาตรฐาน CE จากสหภาพยุโรป ให้บริการทั้งในรูปแบบ ODM และ OEM เพื่อรองรับความต้องการเฉพาะของลูกค้าอย่างตรงจุด พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง และสร้างการรับรู้แบรนด์อย่างต่อเนื่องผ่านการจัดสัมมนา การอบรม และการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าทั่วโลก
ก้าวสู่ปีที่ 27 ของโรงงานในประเทศไทย
การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยปีนี้ นับเป็นปีที่ 27 ของโรงงานในไทย และตลอดเวลาที่ผ่านมา เราได้ส่งออกผลิตภัณฑ์ SWAN ไปยังกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมทั้งยุโรป อเมริกา แอฟริกา ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย และเอเชีย สะท้อนถึงความเชื่อมั่นจากลูกค้าทั่วโลกในคุณภาพและความทนทานของผลิตภัณฑ์ของเรา ออกแบบเพื่อความยั่งยืน ประหยัดพลังงาน และเหมาะสมกับทุกอุตสาหกรรม
เครื่องปั๊มลมหรือแอร์คอมเพรสเซอร์ของ SWAN ถูกใช้งานในแทบทุกอุตสาหกรรม โดยเราให้ความสำคัญกับการออกแบบที่ให้ประสิทธิภาพสูง ควบคู่กับการประหยัดพลังงาน เนื่องจากเครื่องจะทำงานตลอดช่วงเวลาที่โรงงานเปิดดำเนินการ นอกจากต้องประหยัดไฟ ยังต้องมีระดับเสียงที่เงียบ เพื่อไม่รบกวนสิ่งแวดล้อมในการทำงาน และที่สำคัญต้องทนทาน ลูกค้าหลายรายที่มาร่วมงานแสดงสินค้าของเรา มักจะเข้ามาบอกว่าเครื่อง SWAN ของพวกเขาใช้งานมาแล้วกว่า 10-15 ปี ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงคุณภาพของเราได้เป็นอย่างดี
แนะนำผลิตภัณฑ์เด่น ปั๊มลมแบบไร้น้ำมันและประหยัดพลังงาน
หนึ่งในนวัตกรรมเด่นของเราคือ ปั๊มลมลูกสูบไร้น้ำมัน (Oil-Free Piston Compressor) ที่เหมาะกับงานที่ต้องการอากาศอัดที่บริสุทธิ์ 100% ปราศจากน้ำมันและสิ่งปนเปื้อน เช่น อุตสาหกรรมการแพทย์ การผลิตยา อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยตัวเครื่องระบายความร้อนได้ดี ตัวถังผลิตจากสแตนเลส และเคลือบภายในด้วยสีฝุ่นเพื่อป้องกันสนิม
อีกหนึ่งไฮไลต์คือ ปั๊มลมสกรูรุ่น TS-MV ซึ่งออกแบบมาเพื่อ ประหยัดพลังงานสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้า:
- ใช้ มอเตอร์แม่เหล็กถาวรสองขั้น (Two-Stage Permanent Magnet Motor) ประสิทธิภาพสูงระดับ IE4
- ระบบขับตรงร่วมแกนแบบไร้เกียร์และคัปปลิ้ง ทำให้ไม่มีการสูญเสียพลังงาน
- ระบบ INVERTER ที่ควบคุมความเร็วรอบมอเตอร์ตามความต้องการใช้งาน ช่วยลดค่าไฟฟ้าและค่าบำรุงรักษา
- มีพัดลมหมุนเหวี่ยงในตัว ที่เหมาะกับสภาพอากาศประเทศไทย ใช้พื้นที่ติดตั้งน้อย ให้ความเย็นได้ดี
ระบบ IoT และการควบคุมอัจฉริยะ
พัฒนาระบบ IoT ที่สามารถเชื่อมต่อออนไลน์ ตรวจสอบการทำงานของเครื่องได้ผ่านแอปพลิเคชันแบบเรียลไทม์ ทั้งในด้านประสิทธิภาพการทำงาน ระดับการใช้พลังงาน การตรวจจับการรั่วของลม ฯลฯ ช่วยให้ผู้ใช้งานบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ผู้ซื้อไม่ควรพิจารณาเพียงแค่ “ราคาเครื่อง” เท่านั้น เพราะต้นทุนหลักของเครื่องอัดอากาศกว่า 80% มาจากค่าไฟฟ้า ดังนั้น ควรพิจารณาเรื่องอัตราการประหยัดพลังงาน และ บริการหลังการขายควบคู่กันด้วย เพื่อให้การลงทุนในเครื่องอัดอากาศคุ้มค่ามากที่สุดในระยะยาว
KEEJAAN แสดงเครื่องมือตรวจสอบภาพ และวิเคราะห์ตำแหน่งแม่นยำสูง

การร่วมงานในครั้งนี้ KEEJAAN ได้นำนวัตกรรม Tool Image Inspection System เข้าร่วมแสดงเครื่องมือตรวจสอบภาพ และวิเคราะห์ตำแหน่งแม่นยำสูง ออกแบบมาเพื่อการวิเคราะห์รูปร่าง มุม และรัศมี เหมาะสำหรับใช้ในงานเครื่องมือแกะสลักเครื่องกัดปลายลูกกลม เครื่องกัดมุมโค้ง รวมทั้งเครื่องตัด และกัดทั่วไป
บริษัท Kee Jaan Machinery Co., Ltd ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2513 ในช่วงเริ่มต้น ธุรกิจหลักของ Kee Jaan คือการให้บริการงานกลึงชิ้นส่วนเครื่องจักรหลากหลายประเภท ด้วยประสบการณ์ในการกลึงอย่างยาวนาน และเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง Kee Jaan จึงได้ทุ่มเททรัพยากรไปในการพัฒนาอุปกรณ์ตรวจสอบเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยยกระดับความแม่นยำของงานกลึง และตอบสนองต่อความต้องการด้านคุณภาพที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากประสบการณ์ของผู้ใช้งานตลอดหลายปี Kee Jaan ได้พัฒนาอุปกรณ์ตรวจสอบภาพเครื่องมือแบบไม่สัมผัส ซึ่งมีคุณภาพได้มาตรฐานระดับสากล อุปกรณ์ตรวจสอบอันล้ำสมัยเหล่านี้ ช่วยให้ลูกค้าสามารถยกระดับความแม่นยำของผลิตภัณฑ์ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ของ Kee Jaan มีคุณภาพในระดับสากล ได้รับการยอมรับในด้านความแม่นยำในการวัดผลและความน่าเชื่อถือจากผู้ใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
Kee Jaan ดำเนินธุรกิจโดยอาศัยทักษะด้านการแปรรูปชิ้นงานที่มีความแม่นยำสูง และมุ่งมั่นพัฒนาทักษะด้านการผลิตและกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง ในด้านทักษะการผลิต บริษัทให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพและความเสถียรของกระบวนการแปรรูป ในด้านทักษะกระบวนการผลิต บริษัทเน้นการปรับให้สอดคล้องกับสภาพการใช้งานเครื่องมือในปัจจุบันและการวัดผลในกระบวนการผลิต สำหรับด้านการวัดผลนั้น เรามีระบบการวัดผลทั้งในด้านเครื่องมือแปรรูปโลหะและชิ้นงานที่ผ่านการแปรรูปแล้ว ปัจจุบัน Kee Jaan ครองส่วนแบ่งการตลาดภายในประเทศมากกว่า 65% ด้วยคุณภาพสูงและราคาที่สามารถแข่งขันได้
นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดตั้งแผนกแปรรูปโลหะ และติดตั้งศูนย์เครื่องจักรกล CNC จำนวน 12 เครื่อง ไม่เพียงแต่พัฒนาบุคลากรที่มีทักษะด้านการแปรรูปขั้นสูงเท่านั้น แต่ยังให้บริการรับจ้างผลิต (OEM) ตามคำสั่งของลูกค้า โดยธุรกิจ OEM หลักคือ การผลิตชิ้นส่วนขนาดใหญ่ของเครื่องมือช่าง DIY สำหรับงานไม้ และส่งออกไปยังยุโรปและอเมริกา ลูกค้าของเราครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมการบิน (Air Bus), อุตสาหกรรมยานยนต์ (PEUGEOT, DAIHATSU Japan), อุตสาหกรรมเครื่องมือ (INGERSOLL RAND) เป็นต้น รวมถึงมีผู้ใช้งานในตลาดจีนมากกว่า 500 ราย
Kee Jaan มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ให้บริการแก่ลูกค้า โดยมุ่งเน้นที่ความรวดเร็วเหนือระดับและการลดต้นทุนผลิตภัณฑ์ของลูกค้า นี่คือเป้าหมายและความมุ่งมั่นของเรา เราจึงสามารถสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและยั่งยืนกับลูกค้า และเป็นเหตุผลที่ทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของเราขยายตัวขึ้นทุกปี ด้วยทักษะการพัฒนาอย่างมืออาชีพและบริการที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าทุกคน เรามั่นใจว่า Kee Jaan คือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ