เบเยอร์ปฏิวัติวงการสี! เปิดตัว “สีนวัตกรรมจากขยะอาหาร” หน่วงไฟ–สะท้อนร้อน ยกระดับอาคารให้เย็น ปลอดภัยและยั่งยืน
บริษัท เบเยอร์ จำกัด ผู้นำนวัตกรรมสีรักษ์โลกของไทย เดินหน้าเสริมบทบาทด้านความปลอดภัยและความยั่งยืนในสังคมไทย ด้วยการเปิดตัว “สีหน่วงไฟจากเปลือกหอยนางรม” ครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมนำร่องในโครงการต้นแบบ “โรงเรียนปลอดภัย ห่างไกลอัคคีภัย” ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กคลองเตย กรุงเทพฯ
โครงการนี้ถือเป็นความร่วมมือเชิงนวัตกรรมระหว่างภาคธุรกิจและภาควิชาการ โดยเบเยอร์ได้นำ วัสดุเหลือทิ้งจากขยะอาหารทะเล อย่าง เปลือกหอยนางรม มาสกัดเป็นแคลเซียมคาร์บอเนตบริสุทธิ์ ก่อนนำมาพัฒนาสูตรสีหน่วงไฟ ที่มีคุณสมบัติชะลอการลุกลามของเพลิง พร้อมเสริมเทคโนโลยีสะท้อนความร้อน ช่วยลดอุณหภูมิภายในอาคาร เป็นการเพิ่มความปลอดภัยและส่งเสริมสุขภาวะอย่างยั่งยืน
ศรัทธา ศรีสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบเยอร์ จำกัด กล่าวว่า “เรามองว่าสีควรเป็นมากกว่าการตกแต่งผนัง แต่ควรช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับสังคม เบเยอร์จึงมุ่งพัฒนานวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์ทั้งในด้านความปลอดภัย ความยั่งยืน และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โครงการนี้สะท้อนว่าแม้แต่ขยะอาหารก็สามารถกลับมามีคุณค่า และกลายเป็นส่วนหนึ่งของการปกป้องชีวิตผู้คนได้”
สีสูตรใหม่นี้ถูกนำมาใช้จริงในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กคลองเตย ซึ่งตั้งอยู่ในเขตชุมชนแออัดที่มีความเสี่ยงอัคคีภัยสูง โดยมีการปรับปรุงพื้นที่และทาสีภายในอาคารใหม่ทั้งหมด พร้อมจัดกิจกรรมให้ความรู้แก่เด็กและครูเกี่ยวกับการป้องกันอัคคีภัย เพื่อสร้างความตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยตั้งแต่ระดับรากฐาน
การนำ “เปลือกหอยนางรม” ซึ่งปกติเป็นของเสียจากภาคการบริโภค มาต่อยอดเป็นวัสดุที่มีประโยชน์ในระดับอุตสาหกรรม ถือเป็นตัวอย่างของ แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่ช่วยลดของเสีย เพิ่มมูลค่า และลดการใช้ทรัพยากรใหม่
นวัตกรรมนี้ยังสามารถขยายผลสู่พื้นที่อื่นๆ ได้อีกมาก โดยเฉพาะในโรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก อาคารสาธารณะ หรือบ้านพักอาศัยที่ต้องการความปลอดภัยสูงจากอัคคีภัย และยังต้องการลดพลังงานจากเครื่องปรับอากาศ
โครงการนี้ไม่เพียงเป็นหมุดหมายสำคัญของเบเยอร์ในฐานะผู้นำนวัตกรรมสีเพื่อความยั่งยืน แต่ยังเป็นการจุดประกายแนวคิดใหม่ให้กับทั้งวงการอุตสาหกรรม และสังคมไทย ว่าทุกสิ่งรอบตัว—even ขยะอาหาร—สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ หากมีวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนา
เบเยอร์ยังมีแผนขยายผลนวัตกรรมสีเพื่อความปลอดภัยนี้ สู่พื้นที่อื่น ๆ โดยเฉพาะอาคารสำหรับเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบาง เพื่อยกระดับมาตรฐานอาคารไทยให้ “เย็น ปลอดภัย และยั่งยืน” อย่างแท้จริง
