Construction

สมาคมวิศวกรโครงสร้างฯ เปิด 3 ฉากทัศน์ถนนสามเสนพังถล่ม แนะใช้โฟมผสมดินลดแรงกด คืนเสถียรภาพโครงสร้าง

ความคืบหน้ากรณีถนนสามเสนหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาลทรุดตัวเป็นหลุมขนาดใหญ่ ล่าสุด สมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย นำโดย ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมฯ พร้อมด้วย ชูเลิศ จิตเจือจุน อุปนายกฯ วัฒนพงศ์ หิรัญมาลย์ เลขาธิการฯ และคณะกรรมการบริหาร ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าเหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นหลุมยุบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยจุดเกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ก่อสร้างส่วนขยายรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งเพิ่งแล้วเสร็จเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

เจาะปัจจัย-ฉากทัศน์การถล่มถนนสามเสน

ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการยุบตัวประกอบด้วย 3 ประการ ได้แก่ 1) ชั้นดินอ่อน 2) น้ำในดิน และ 3) การก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดิน สำหรับกรณีวชิรพยาบาล เป็นการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่มีอุโมงค์วางซ้อนกัน 2 ชั้น โดยอุโมงค์ชั้นบนอยู่ในชั้นดินเหนียวปนทรายที่ความลึกประมาณ 16 เมตร ส่วนอุโมงค์ชั้นล่างอยู่ในชั้นดินทรายที่ความลึกประมาณ 20 เมตร ระหว่างอุโมงค์ทั้งสองมีชั้นดินรองรับเพียง 6.3 เมตร ซึ่งอาจเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ทำให้มวลดินไหลทะลักเข้าไปสู่โครงสร้าง

ขณะนี้สาเหตุที่ทำให้ถนนยุบตัวดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการสืบสวนโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในขั้นตอนนี้สมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทยได้ตั้งฉากทัศน์ทางวิชาการ 3 รูปแบบ ดังนี้

แบบที่ 1 ดินรองรับระหว่างอุโมงค์ตัวบนและล่าง เกิดการไหลเข้าไปอุโมงค์ล่าง ทำให้อุโมงค์บน สูญเสียชั้นดินรองรับ และแบกรับน้ำหนักดินกดทับด้านบนไม่ได้ จึงพังถล่มลงมา ทำให้มวลดินทั้งหมดไหลเข้าไปในอุโมงค์ชั้นบน

แบบที่ 2 ดินรองรับระหว่างอุโมงค์ตัวบนและล่าง สูญเสียกำลังรับน้ำหนัก หรือเกิดการกลายสภาพเป็นของเหลว ทำให้แบกรับอุโมงค์บนไม่ได้ จึงทำให้อุโมงค์บนพังถล่มลงมา แล้วทำให้มวลดินทั้งหมดไหลเข้าไปในอุโมงค์ชั้นบน

แบบที่ 3 เกิดจากปัญหาของโครงสร้างตัวอุโมงค์เองชำรุด เนื่องจากโครงสร้างตัวอุโมงค์ประกอบไป ด้วยชิ้นส่วน 7 ชิ้นประกอบกันเป็นวงกลม เรียงต่อกันเป็นชั้นๆ ซึ่งมีรอยต่อจำนวนมาก หากชิ้นส่วนใด หรือรอยต่อใด เกิดการชำรุดบกพร่อง ก็อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการพังทลายได้

เร่งถมหลุมยุบ คาดเสร็จสัปดาห์หน้า

นอกจากนี้ การสำรวจฐานรากเสาเข็มโดยรอบพบว่ามีลักษณะความเสียหายแตกต่างกันในแต่ละต้น ขณะที่มวลดินมหาศาลหลายหมื่นลูกบาศก์เมตรได้ไหลเข้าสู่ช่องโพรงใต้ดิน จนทำให้ถนนด้านบนยุบตัวลงตามมา เหตุการณ์นี้ตอกย้ำความท้าทายด้านวิศวกรรมในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่มีชั้นดินอ่อน และการก่อสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ใต้ดินจำเป็นต้องพิจารณาความเสี่ยงอย่างรอบด้าน

ศ.ดร.อมร กล่าวอีกว่า ปัจจุบันยังไม่สามารถสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้ แต่สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการมี 3 ส่วนสำคัญ คือ การถมวัสดุในบริเวณหลุมยุบเพื่อป้องกันการสไลด์ของดิน การประเมินความเสียหายต่อโครงสร้างอุโมงค์และสถานี และการวางมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำในอนาคต ซึ่งทุกขั้นตอนต้องทำควบคู่กับการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและโรงพยาบาลในพื้นที่

“ขณะนี้การอุดรอยรั่วได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และมีการยิงคอนกรีตฉาบปิดผิวชั้นดินเพื่อป้องกันการไหลของมวลดิน รวมถึงติดตั้งระบบระบายน้ำและประเมินปริมาณฝนล่วงหน้า จึงคาดว่าการถมหลุมยุบจะสามารถเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์หน้า แม้ยังคงต้องเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของโครงสร้างอาคารอย่างใกล้ชิด แต่สถานการณ์มีแนวโน้มที่ดีขึ้นและความเสี่ยงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องฝนซึ่งไม่ถือเป็นปัจจัยที่น่าเป็นห่วงมากนัก” ศ.ดร.อมร กล่าว

ใช้เม็ดโฟมแก้ปัญหาดินถม คืนเสถียรภาพโครงสร้างสถานีตำรวจ

ด้านชูเลิศ จิตเจือจุน อุปนายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอาคารสถานีตำรวจบริเวณใกล้เคียงจุดถนนทรุดตัว จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าตัวอาคารยังสามารถซ่อมแซมและใช้งานได้โดยไม่จำเป็นต้องรื้อทิ้งสร้างใหม่ เนื่องจากอาคารมีหลายฐานรากและหลายชั้นโครงสร้าง ส่วนใหญ่ยังคงรองรับน้ำหนักได้ดี ความเสียหายหลักอยู่ที่ฐานรากมุมอาคารซึ่งมีเสาเข็ม 3 ต้นและได้รับผลกระทบทั้ง 3 ต้น ขณะที่ฐานรากอื่นๆ ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยและยังสามารถทำหน้าที่รองรับน้ำหนักได้ ดังนั้นโครงสร้างอาคารโดยรวมจึงทรุดตัวเพียงเล็กน้อย ไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายร้ายแรง

สำหรับแนวทางการแก้ไข ได้มีการเทคอนกรีตอุดช่องรอยรั่วในอุโมงค์ชั้นบนแล้ว ทำให้ปัจจุบันไม่มีมวลดินไหลเข้าไปเพิ่มเติมและการสไลด์ของดินหยุดนิ่งเกือบ 100% สมาคมฯ จึงเสนอแนวทางเสริมความปลอดภัยโดยการใช้เม็ดโฟมผสมกับดินในการถมกลับเข้าไป แทนการใช้ดินเต็มปริมาณเพื่อลดน้ำหนักกดทับ ซึ่งจะช่วยลดแรงดันต่อโครงสร้างคอนกรีตและกระสอบทรายที่ใช้ปิดอุดอุโมงค์ การใช้เม็ดโฟมถือเป็นวิธีที่วิศวกรรมโยธาใช้กันอย่างแพร่หลายในการแก้ปัญหาดินถม และจะทำให้พื้นที่สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติหลังการซ่อมแซมเสร็จสิ้น

นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังเสนอให้ดำเนินการเสริมฐานรากอาคารสถานีตำรวจเพิ่มเติม โดยใช้เทคโนโลยี “เสาเข็มไมโครไพล์” (Micro Pile) เพื่อทดแทนและเสริมกำลังให้กับเสาเข็มเดิม วิธีการติดตั้งสามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น ใช้แม่แรงหรือปั้นจั่นขนาดเล็กตอกเสาเข็มใหม่และผสานเข้ากับฐานรากเดิม เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้างโดยรวม มาตรการดังกล่าวจะช่วยให้อาคารกลับมามีความมั่นคงปลอดภัยและสามารถใช้งานได้อย่างยั่งยืน ส่วนการแก้ไขปัญหาโครงสร้างอุโมงค์ใต้ดินนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาและตัดสินใจของผู้รับเหมาที่รับผิดชอบโครงการต่อไป

ถอดบทเรียนสามเสน ยื่น 4 มาตรการป้องกันซ้ำ

จากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการก่อสร้างอุโมงค์ในชั้นดินอ่อน สมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย จึงมีข้อเสนอ 4 มาตรการในการแก้ปัญหา ดังนี้

1. หาสาเหตุที่ถนนยุบโดยเร็ว โดยคณะกรรมการๆ ที่มีความเป็นอิสระ ประกอบด้วยหน่วยงานทาง วิชาการและวิชาชีพ รายการการสอบสวนสาเหตุจะต้องเปิดเผยสู่สาธารณะ เพื่อให้หน่วยงานวิศวกรรมอื่นๆ ที่ไม่ได้เข้าร่วมเป็นกรรมการ ได้แสดงความคิดเห็น

2. ตรวจสอบซ้ำในโครงการอื่นๆ ที่มีการก่อสร้างในลักษณะใกล้เคียงกัน ทั้งที่กำลังก่อสร้างขณะนี้และที่ก่อสร้างในอนาคต อาจจะต้องเพิ่มสัดส่วนความปลอดภัยทางวิศวกรรมให้สูงขึ้นกว่าที่ใช้ในปัจจุบัน

3. ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยทางวิศวกรรมสำหรับการก่อสร้างโครงสร้างใต้ดินในชั้นดินอ่อน

4. จัดให้มีระบบหรืออุปกรณ์ตรวจวัดการเคลื่อนที่ของดินแบบต่อเนื่องและเรียลไทม์ และมีระบบแจ้งเตือนการทรุดตัวล่วงหน้า เพื่อให้ปิดการจราจรหรือแจ้งเตือนประชาชนรอบข้างได้ทันท่วงที