Sunday, April 28, 2024
Latest:
News

ลีดเวย์ฯ เตรียมเปิดตัว “รถบรรทุกหัวลากไฟฟ้า 100% แบรนด์ SANY” ไตรมาสสุดท้ายของปี รับธุรกิจก่อสร้าง – เมกะโปรเจกต์เติบโตในปีหน้า

ประเทศไทยถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) มากที่สุดในอาเซียนตามนโยบายการส่งเสริมยานยนต์ EV ของภาครัฐเพื่อรณรงค์การประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและลดภาวะโลกร้อนของผู้บริโภคที่จะนำผลิตภัณฑ์ EV ไปใช้ในภาคส่วนต่างๆ ดังนั้นเพื่อเป็นการสนองนโยบายภาครัฐและช่วยเหลือผู้บริโภค บริษัท ลีดเวย์ เฮฟวี่ แมชชีนเนอร์รี่ จํากัด ผู้นำตลาดเครื่องจักรกลหนักในประเทศไทยและผู้จัดจำหน่ายหลักเครื่องจักรกลหนักอย่างเป็นทางการ จึงได้มีนโยบายเปิดเกมรุกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลหนักกลุ่มตลาด EV โดยเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่รถไฟฟ้า 100% คือ รถบรรทุกหัวลากไฟฟ้า 100% แบรนด์ SANY ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี พ.ศ.2565

ฉกาจ แสนจัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีดเวย์ เฮฟวี่ แมชชีนเนอร์รี่ จำกัด กล่าวว่า แม้จะมีสถานการณ์ COVID-19 แพร่ระบาดในประเทศไทยและทั่วโลกมากว่า 2 ปี ทำให้ภาคเศรษฐกิจหลายอุตสาหกรรมชะลอตัว แต่ในทางกลับกันภาคอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลหนักของไทยมีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2564 โดยมีมูลค่าประมาณ 70,000 ล้านบาท ส่วนในปี พ.ศ.2566 ตลาดภาคอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลหนักของไทยก็เติบโตต่อเนื่องเช่นกัน โดยเป็นผลมาจากการลงทุนในโครงการก่อสร้างในส่วนของภาครัฐที่มีอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการสาธารณูปโภค เมกะโปรเจกต์ รวมถึงโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ พื้นที่เกษตรทั่วประเทศ และภาคเอกชน ก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ทำให้มีการเติบโตในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเป็นจำนวนมาก และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากภาครัฐมีการลงทุนด้านการก่อสร้างและโครงการเมกะโปรเจกต์สำคัญ ทำให้มีความต้องการเครื่องจักรกลหนักในตลาดค่อนข้างมาก เพื่อรองรับกับการขยายงานโปรเจกต์ต่างๆ

ขณะที่ตลาด EV ในประเทศไทยนั้นมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามนโยบายภาครัฐและการใช้งานของภาคส่วนอุตสาหกรรม ภาคการเกษตรและอื่นๆเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยจุดเด่นของ EV ถือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นอันมาก แล้วยังปราศจากมลภาวะเสียงอีกทางหนึ่ง อีกทั้งลูกค้ายังสามารถดำเนินการขอทำคาร์บอนเครดิตได้อีกส่วนหนึ่ง รวมถึงการลดต้นทุนในการดำเนินการ โดยเฉพาะขณะนี้ที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้นทำให้มีการตอบรับจากผู้บริโภคมีการนำ EV ไปใช้มากขึ้น โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการใช้ EV มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ดังนั้นทางบริษัทฯจึงได้มีแนวนโยบายเปิดเกมรุกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลหนักกลุ่มตลาด EV เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่รถไฟฟ้า 100% คือ รถบรรทุกหัวลากไฟฟ้า 100% แบรนด์ SANY ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี พ.ศ.2565

ฉกาจ กล่าวว่าบริษัทฯ ได้ตั้งเป้ายอดขายผลิตภัณฑ์รถบรรทุกไฟฟ้า 100% แบรนด์ SANY ที่นำเข้ามาจำหน่ายในไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2566 ไว้ที่ 200 คันเฉพาะในประเทศ ส่วนการจำหน่ายในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สปป.ลาวและกัมพูชาขอศึกษาตลาดให้มีความชัดเจนก่อนทำตลาดการขายในอนาคต สำหรับกลยุทธ์ในการสร้างยอดขายของบริษัทฯ ในการแนะนำรถบรรทุก EVรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด จะเน้นรถบรรทุกไฟฟ้า 100% จากแบรนด์ SANY คือ รถบรรทุกเหมืองไฟฟ้า รถบรรทุกหัวลากไฟฟ้า รถโม่ผสมคอนกรีตไฟฟ้าที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาก คือ สถานีสลับแบตเตอรี่ (SANY Swapping Station) ที่ติดตั้งอุปกรณ์และเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ต่าง ๆด้วยงบประมาณ สถานีละประมาณ 60-70 ล้านบาท ใช้เวลาในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ในแต่ละครั้งประมาณ 1.9 นาที ต่อคัน รองรับสูงสุดถึง 100 คันต่อวันซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้กว้างมากขึ้น รวมถึงขยายกลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น

“ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจไว้ว่าอีกประมาณ 5 ปี นับจากนี้ ยอดจำหน่ายรถบรรทุก EV ของบริษัทฯ จะเติบโตได้ประมาณ 50% ของยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์รวมของบริษัทฯ ทั้งหมดพร้อมตั้งเป้าจะเป็นอันดับ 1 ในการจำหน่ายเครื่องจักรกลหนัก EV ในประเทศไทยในอนาคต” ฉกาจ กล่าว

ในส่วนของการบริการสินเชื่อเช่าซื้อสำหรับผู้บริโภคผ่านสถาบันการเงินชั้นนำต่าง ๆ ทางบริษัทฯ มีบริการครบวงจร เพื่อช่วยให้ลูกค้าดำเนินธุรกิจได้ด้วยความคล่องตัว และยังมีทีมวิศวกร ทีมช่างผู้ชำนาญการให้บริการซ่อมบำรุงตามระยะเวลา ตรวจเช็คสภาพ พร้อมทั้งจัดหาอะไหล่ และชิ้นส่วนแท้อย่างครบวงจร และด้วยบริการหลังการขายผ่านศูนย์บริการของบริษัทฯ ที่มีอยู่ทั่วทุกภูมิภาคในประเทศ ทั้ง 14 แห่ง

“ถึงแม้ว่าในภูมิภาคยุโรปและสหรัฐอเมริกาเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่มากนัก แต่เชื่อว่าในภูมิภาคเอเชียจะฟื้นตัวได้ตามการฟื้นตัวของประเทศจีน และประเทศไทยจะได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของประเทศจีนส่งผลให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวตาม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) การบริโภคภาคประชาชน และการลงทุนภาครัฐที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้นกว่าปี พ.ศ.2565 อย่างแน่นอน” ฉกาจ กล่าวทิ้งท้าย