Sunday, April 28, 2024
Latest:
Property

“PRI” กางแผนธุรกิจปี’67 เดินหน้า 4 กลยุทธ์ ยกระดับบริการ “Elevate Your Living Experience” เพื่อลูกค้าอย่างครบวงจร

พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น หรือ PRI เปิดแผนธุรกิจปี 2567 “Elevate Your Living Experience” ชู 4 กลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กร ยายบริการใหม่ไร้รอยต่อ-ติดปีกทักษะบุคลากรร่วมกับสถาบันการศึกษา-ต่อยอดนวัตกรรมใหม่ๆ-ใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมยกระดับประสบการณ์เพื่อคุณภาพชีวิตผู้ใช้บริการ สร้างคุณค่าระดับ Lifetime Value ดูแลคนทุกเจเนอเรชั่น สู่การเป็นผู้นำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ สมัยใหม่แบบครบวงจร ตั้งเป้ารายได้ปี 2567 ที่ 2,250 ล้านบาท ปูทางสร้างรายได้ประจำอย่างมั่นคง

สุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI ผู้นำธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่แบบครบวงจร กล่าวว่า แนวโน้มการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับ 4 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.Smart Living Solutions ใส่ใจเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น ครบวงจรมากขึ้นในพื้นที่เดียว โดยไม่ต้องออกนอกที่พัก 2.Sustainable Living Practices ใส่ใจการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ตั้งแต่การเลือกใช้ชีวิตในสถานที่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้พลังงานทดแทน มีมาตรการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ 3.Wellness & Well-being มองหาพื้นที่ใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์การมีสุขภาพกาย สุขภาพจิต และสุขภาวะที่ดี และ 4.Flexible Living Arrangement ต้องการรูปแบบการใช้ชีวิตที่ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้

โดย PRI เป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรชั้นนำของประเทศ มีประสบการณ์กว่า 11 ปี ปัจจุบัน ดำเนินธุรกิจภายใต้ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจต้นน้ำ – บริการก่อนเข้าอยู่อาศัย (Pre-Living Services) อาทิ บริการที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง บริการออกแบบด้านสถาปัตยกรรม งานโครงสร้าง งานโยธา และงานระบบ บริการจัดฝึกอบรมและพัฒนาทักษะบุคลากร 2.กลุ่มกลางน้ำ – บริการการจัดการเพื่อการอยู่อาศัย (Living Services) อาทิ บริการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด บ้านจัดสรร ห้างสรรพสินค้า อาคาร และสำนักงาน บริการอพาร์ตเมนท์แบบพรีเมียม บริการซื้อ-ขาย-ปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร และ 3.กลุ่มปลายน้ำ – บริการหลังการขายที่อยู่อาศัย (Living & Earning Services) อาทิ บริการแม่บ้านและช่าง บริการออกแบบและตกแต่งภายใน

สุรินทร์  กล่าวว่า PRI ในฐานะผู้นำธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่แบบครบวงจร ในปี 2567 นี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “Elevate Your Living Experience” ยกระดับงานบริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ พร้อมทั้งยกระดับประสบการณ์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคอย่างครบวงจร เพื่อให้ตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภค ที่ปัจจุบันมีแนวโน้มความต้องการที่เปลี่ยนแปลงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องบริการที่ต้องอำนวยความสะดวกสบาย รวดเร็ว และบริการได้อย่างครบครันทุกความต้องการแบบจบครบที่เดียว ด้วยเหตุนี้บริษัทฯ จึงเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้ 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

1.ขยายบริการใหม่ไร้รอยต่อ (Expanding Our Business Horizon) เพิ่มบริการและธุรกิจใหม่ทั้งกลุ่มบริการต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ตอบโจทย์ความต้องการของระบบนิเวศอสังหาริมทรัพย์และระบบนิเวศ บริการในที่อยู่อาศัย โดยพัฒนามาตราฐานงานบริการเพื่อให้มีอัตราการต่อสัญญาที่สูงมากขึ้น นำไปสู่การเจาะกลุ่มลูกค้าในเปิดตลาดใหม่ ๆ อาทิ กลุ่ม B2C โดยทางบริษัทฯ ได้เริ่มจับธุรกิจประเภทตกแต่งภายใน ผลิตเฟอร์นิเจอร์ ปรับปรุงภูมิทัศน์ ที่ปรึกษาด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม การจัดการพื้นที่ส่วนกลางอาคารขนาดใหญ่ และจะเริ่มให้บริการในกลุ่มงานภาครัฐ และภาครัฐวิสาหกิจ  รวมถึงธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์สำหรับชาวต่างชาติ

2.ติดปีกทักษะบุคลากร (People Development) จับมือกับสถาบันการศึกษา 10 แห่ง อาทิ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เพื่อร่วมพัฒนาหลักสูตรด้านอสังหาริมทรัพย์ อาทิ กลุ่มงานที่ปรึกษา กลุ่มงานจัดการอาคาร รวมจำนวน 30 หลักสูตรภายในปีนี้ เพื่ออัปสกิลและรีสกิล (Upskill & Reskil) และยกระดับทักษะและองค์ความรู้ให้แก่ทั้งพนักงานปัจจุบัน และพนักงานใหม่ที่จะเข้าทำงาน เพื่อให้เกิดเข้ารู้และความเข้าใจในพฤติกรรมและความต้องการของการอยู่อาศัยในปัจจุบัน ซึ่งพนังงานใหม่จะต้องผ่านการอบรมหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานไม่น้อยกว่า 3 หลักสูตร นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังได้ร่วมมือกับกลุ่มสถาบันดังกล่าว นำนักศึกษาชั้นปีที่ 3-4 เข้าร่วมโครงการ Management Trainee กับ PRI เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาที่มีทักษะความสามารถตรงสายสามารถเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ PRI ได้และสร้างโอกาสในสายงาน (Career Path) ให้แก่นักศึกษา เพื่อพัฒนาตัวตน นำไปสู่พนักงานผู้ให้บริการมืออาชีพในอนาคต นอกจากนี้ยังจะพัฒนาเพื่อให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงการเรียนรู้นี้และสามารถนำไปต่อยอดใช้งานได้จริง

3.ต่อยอดนวัตกรรมใหม่ (Enhance Innovation + Technology) โดย PRI ได้ร่วมทุนด้านเทคโนโลยีกับ บริษัท ลิฟเทค แล็บ จำกัด เพื่อพัฒนานวัตกรรมและการเข้าถึงข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน Primo Plus โฉมใหม่ ให้มีฟังก์ชันและประสิทธิภาพ พร้อมทั้งพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ๆ อำนวยความสะดวกงานบริการ อาทิ แพลตฟอร์มจองแม่บ้านทำความสะอาด แพลตฟอร์มติดตามงานซ่อมบำรุงอัตโนมัติ ตลอดจนแพลตฟอร์ม การจัดการผู้มาติดต่อภายในโครงการ (Visitor Management) เพื่อยกระดับการให้บริการแก่ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น โดยมีแนวคิดจะทำบางแพลตฟอร์มวางจำหน่ายแบบ White Label ให้กลุ่มลูกค้านอกได้ใช้บริการอีกด้วย

4.ใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม (ESG & Sustainability for Future Living) ด้วยการเชิญชวนให้ลูกบ้านได้เป็นส่วนหนึ่งของการใส่ใจสิ่งแวดล้อมนี้ เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้เกิดการจัดการของเสีย (Waste Management) การประหยัดพลังงาน (Energy Saving) ความใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม ในโครงการที่อยู่อาศัยที่ PRI เข้าไปบริหารจัดการอาคาร โดยการทำให้เห็นถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับร่วมกัน ทั้งในแง่ของการมีสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น และการมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามไปด้วย นอกจากนี้ ยังใส่ใจทุกรายละเอียดตั้งแต่กระบวนการผลิต เพื่อมุ่งสู่การเป็นธุรกิจสีเขียวต่อไปในอนาคต

จากกลยุทธ์ที่ PRI  นำมาใช้ดำเนินธุรกิจ นอกจากจะเป็นการเพิ่มมาตรฐานการบริการของบริษัทฯ แล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าว่าทุกบริการจะนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สะดวกสบายขึ้น เพื่อให้ลูกค้ายังคงไว้ใจใช้บริการต่อไป เป็นการแสดงให้แก่กลุ่มลูกค้าใหม่ได้เห็นถึงศักยภาพที่เข้มแข็งของบริษัทฯ ว่าจะสามารถตอบสนองได้ทุกความต้องการตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำ เป็นการทำให้กลุ่มผู้ลงทุนมั่นใจว่าธุรกิจจะได้ผลกำไรตามเป้าที่ตั้งไว้ และเพื่อให้พนักงานในเครือได้เติบโตไปด้วยกันกับบริษัทฯ

“กลยุทธ์ดังกล่าว จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของบริษัท ยกระดับงานบริการของบริษัทให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่มากยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มอัตราการรักษาลูกค้าระยะยาว (Retention Rate) เพิ่มโอกาสเข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ๆ ทั้งกลุ่มต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ช่วยให้ดูแลผู้บริโภคได้อย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้น และเป็นรากฐานการสร้าง PRI ให้เติบโตอย่างยั่งยืน” สุรินทร์ กล่าวเสริม

ในปี 2567 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 2,250 ล้านบาท โดยมองโอกาสขยายตัวจากกลุ่มธุรกิจใหม่ ตลอดจนการขยายฐานจำนวนลูกค้าโครงการทั้งในกลุ่มต้นน้ำกลางน้ำและปลายน้ำ